ในปัจจุบัน มีกระดานเทรดคริปโตมากมายให้นักลงทุนเลือกใช้งาน โดยแที่แต่ละกระดานเทรดคริปโต มักจะมีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป ทั้งนี้การเลือกกระดานเทรดคริปโตที่ใช้นั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมส่วนบุคคล ในขณะที่นักลงทุนบางกลุ่มสนใจกระดานเทรดคริปโตที่นำเสนอการซื้อขายในรูปแบบ Peer-to-peer (P2P) ที่ให้ผู้คนสามารถแลกเปลี่ยนได้ผ่านบุคคลโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางในการซื้อขาย แต่ก็ยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ต้องการเทรดโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ KYC ให้ยุ่งยากเพียงเท่านั้น
ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาค้นหากระดานเทรดคริปโตที่มีการแลกเปลี่ยนแบบ P2P ที่ดีที่สุด รวมถึง Crypto Exchange ที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการ KYC ที่น่าสนใจที่สุดในปี 2024 และเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องมือ P2P รวมถึงเข้าใจถึงความเสี่ยงของการซื้อขายในรูปแบบดังกล่าว และแนวทางในการหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงนั้น เพื่อเริ่มลงทุนได้ภายในไม่ถึง 5 นาที
เว็บเทรดชั้นนำในปี 2024
- MEXC: กระดานเทรดคริปโตดัง ที่ไม่คิดค่าบริการในประเทศเวียดนาม, เกาหลีใต้, และรัสเซีย
- OKX: เว็บเทรดยอดนิยม ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยน พร้อมการชำระเงินมากกว่า 900 วิธี
- Margex: แพลตฟอร์ทเทรด ที่ไม่ต้องทำ KYC ให้ยุ่งยาก
- Binance: เข้าซื้อเหรียญคริปโต ได้ภายใน 15 นาที ผ่านสกุลเงินกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
- Bybit: ลงทุนในคริปโตได้ผ่าน Paypal และ Betellar ด้วยค่าธรมเนียม 0%
- BingX: ถือ Tether ได้ผ่านการโอนจากบัญชีธนาคาร หรือ Wise ด้วยราคาที่น่าซื้อ
- PrimeXBT: เว็บเทรดเลเวอร์เรจสูง ด้วย Margin เริ่มต้นเพียง 0.5%
- Best Wallet: เว็บเรดชั้นนำ สำหรับการเทรดแบบ Decentralized
- KuCoin: กระดานเทรดคริปโตที่น่าสนใจ ที่มี Active User มากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก
- BloFin: กระดานเทรดคริปโตค่าธรรมเนียมต่ำ ที่ไม่ต้องใช้ KYC
รีวิวกระดานเทรดคริปโตที่ดีที่สุด
ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า เว็บเทรดคริปโต มีอะไรบ้างที่น่าสนใจในปี 202 โดยโฟกัสไปที่จุดเด่นในด้าน P2P และมาดูกันว่า จะมีกระดานเทรดคริปโตไหนบ้าง ที่สามารถเทรดได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ KYC
1. MEXC: กระดานเทรดคริปโตดัง ที่ไม่คิดค่าบริการในประเทศเวียดนาม, เกาหลีใต้, และรัสเซีย
ต่อมาเป็น MEXC ซึ่งเป็นอีก Crypto Exchange หรือ เว็บเทรดคริปโตระดับโลก แบบ P2P ที่ในปัจจุบัน กำลังเปิดให้บริการอยู่เพียง 3 ประเทศได้แก่ เวียดนาม เกาหลีใต้ โดยหากคุณกำลัง 3 ประเทศนี้ คุณสามารถซื้อคริปโตอย่าง Bitcoin, Ethereum, Tether และ USD Coin ได้ผ่านกระดานเทรดคริปโต MEXC โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม P2P
โดยวิธีการชำระงานระบบ P2P ของ MEXC พื้นที่ที่คุณอยู่อาศัย โดยผู้อยู่ในประเทศเวียดนามสามารถโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศอย่าง MoMo, Zalo Pay และ ShopeePay ได้ โดยผู้อยู่อาศัยในเกาหลีใต้สามารถชำระเงินได้ผ่านการโอนเงินจากธนาคาร หรือ KaKAOPAY ในขณะที่พูดอยู่อาศัยในรัสเซีย สามารถใช้ Payeer หรือเลือกโอนผ่านธนาคารภายในประเทศได้ โดยหลังจากผู้ซื้อเลือกวิธีการชำระเงินที่ต้องการแล้ว กระดานเทรดคริปโตจะมีการขึ้นรายชื่อผู้ขายที่เหมาะสมกับความต้องการ
โดยจากรายชื่อผู้ขาย จะมีข้อมูลสำคัญอย่างจำนวนเงินที่ผู้ขายสามารถขายได้ขั้นต่ำไปจนถึงสูงสุด รวมถึงจำนวนการซื้อขายก่อนหน้าของผู้ขายที่ประสบความสำเร็จ และคะแนนจากผู้ซื้อรายอื่นๆ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกผู้ขายที่ตนคิดว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด เมื่อเลือกเสร็จแล้วผู้ซื้อจะเข้าสู่กระบวนการซื้อขายผ่านบริการ escrow ของ MEXC
เหรียญที่รองรับ (P2P) | Bitcoin, Ethereum, Tether, และ USD Coin |
วิธีการชำระเงิน | 30 กว่าวิธี |
ค่าธรรมเนียม P2P | ไม่มี |
ใช้ Escrow ไหม? | ใช้ |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | ไม่คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม / มีระบบ escrow ที่ปลอดภัย / ผู้ขายบางคนมักตั้งราคาขายไว้ต่ำกว่าราคาตลาด |
ข้อดี
- รู้เรื่องในการซื้อคริปโต P2P ที่ดีที่สุดในเวียดนาม เกาหลีใต้ และรัสเซีย
- ไม่คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายผ่าน P2P
- ระบบ escrow ที่ปลอดภัย ที่คอยป้องกันทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
- ใช้เวลาแลกเปลี่ยนไม่ถึง 1 นาที
ข้อเสีย
- รองรับเพียง 3 สกุลเงิน
- ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC ก่อนจึงจะแลกเปลี่ยนได้
2. OKX: Crypto Exchange ยอดนิยม ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยน พร้อมการชำระเงินมากกว่า 900 วิธี
OKX เป็นอีกหนึ่งเว็บเทรดคริปโตระดับโลกแบบ P2P ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตลาด จากการรองรับสกุลเงินทั่วโลกพร้อมวิธีการชำระเงินมากกว่า 900 วิธี ซึงรวมถึงการชำระเงินผ่านธนาคารในประเทศ หรือแม้แต่ผ่านทาง Revolut, Wise, Perfect Money และ Payeer
สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี ทางแพลตฟอร์ม OKX สามารถรองกับเหรียญคริปโตอย่าง Bitcoin, Ethereum, Tether และเหรียญ USD โดยผู้ใช้งานสามารถทำการซื้อเหรียญได้เพียงแค่ทำการเลือกเหรียญ สกุลเงิน และรูปแบบการชำระเงิน ตามด้วยจำนวนที่ต้องการ จากนั้นทาง OKX จะทำการจัดเรียงลำดับรายชื่อผู้ขายแบบ P2P ที่ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อให้ และทำการซื้อได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC (สำหรับการซื้อขายทียังไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์แรก)
Know Your Customer หรือ KYC เป็นกระบวนการที่ทาง Crypto Exchange รวมถึงสถาบันการเงินอื่นๆทั่วโลกใช้ตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การฟอกเงิน และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ โดยในการดำเนินการ KYC ผู้ยืนยันจะต้องแสดงหลักฐานแสดงตัวตน เช่น ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวประชาชน
โดยเช่นเดียวกับ Crypto Exchange ชั้นนำทั่วไป OKX มีระบบ escrow เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใดๆ นอกจากนี้ OKX ยังมีเว็บเทรดคริปโตแบบดั้งเดิมที่รองรับเหรียญอื่นๆ อีกหลายร้อยเหรียญ
เหรียญที่รองรับ (P2P) | Bitcoin, Ethereum, Tether, และ USD Coin |
วิธีการชำระเงิน | 900 กว่าวิธี |
ค่าธรรมเนียม P2P | ไม่มี |
ใช้ Escrow ไหม? | ใช้ |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | รองรับการชำระเงินได้หลายวิธี / ไม่คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม / เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ |
ข้อดี
- มีการซื้อขายแบบ P2P รองรับในหลายประเทศ
- มีคริปโตมากกว่า 100 เหรียญ พร้อมรูปแบบการชำระกว่า 900 วิธี
- รองรับ Bitcoin, Ethereum, Tether, และเหรียญ USD
- ไม่จำเป็นต้อง KYC (สำหรับการซื้อขายที่ยังไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์)
ข้อเสีย
- อาจมีความเสี่ยงหากซื้อเหรียญผ่านผู้ขายที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ
- มีอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วนที่แพง
3. Margex: แพลตฟอร์มเทรดน่าจับตา ที่ไม่ต้องทำ KYC ให้ยุ่งยาก
Margex เป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโต หรือ Crypto Exchange ระดับโลกที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดคริปโตที่ไหนดี โดยเพียงแค่ใส่อีเมลและรหัสผ่าน ผู้ใช้งานก็จะสามารถเข้าถึงบัญชีเพื่อฝากเงินและเริ่มต้นทำการเทรดได้อย่างไม่เปิดเผยตัวตน โดยภายในแพลตฟอร์มมีเหรียญให้สามารถทำการเทรดได้หลากหลายชนิด เช่น Bitcoin, Ethereum, และ USDT
โดย Margex เป็นกระดานเทรดคริปโตที่มีจุดเด่นในด้านการเทรดฟิวเจอร์(สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) แบบ Perpetual Futures โดยมี Margin ที่ต่ำ นอกจากนี้ Margex ยังมีเครื่องมือในการเทรดอีกที่สามารถเข้าถึงได้ทั้งผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชันสำหรับ Android และ iOS ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกในการวิเคราะห์ราคามากยิ่งขึ้น
Margex ยังมีจุดเด่นในด้านค่าธรรมเนียมที่ต่ำ โดยผู้ใช้งานจะเสียค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขายเพียง 0.06% เท่านั้นต่อการซื้อขาย นอกจากนี้กระดานเทรดดังกล่าวยังมีเครื่องมือสำหรับการ Staking ที่ให้ผลตอบแทนต่อปีสูงสุดถึง 5% สำหรับ USDT และ USDC อย่างไรก็ตาม กระดานเทรดคริปโต Margex นั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานใดๆ ดังนั้นมาตรการคุ้มครองนักลงทุนภายในแพลตฟอร์มจึงมีอยู่จำกัด
ข้อดี
- ประสบการณ์ในการเทรดที่ใช้งานง่าย ได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ ผ่านเว็บเทรดคริปโตระดับโลก
- เริ่มเทรดด้วย Margin ขั้นต่ำเพียง 1%
- สมัครง่ายภายในไม่กี่วินาที โดยใช้เพียงแค่อีเมลและรหัสผ่าน
- ค่าธรรมเนียมในการเทรดที่ต่ำ เพียง 0.06% ต่อการซื้อขาย
ข้อเสีย
- ไม่รองรับผู้ใช้งานในประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
- เป็นกระดานเทรดคริปโตแบบ Perpetual Futures ซึ่งอาจไม่ได้เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน
4. Binance: เข้าซื้อเหรียญคริปโต ได้ภายใน 15 นาที ผ่านสกุลเงินกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
Binance เป็นเว็บเทรดคริปโตระดับโลก ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าควรเทรดคริปโตที่ไหนดี เพราะมันมีการซื้อขายเหรียญแบบ P2P ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในประเทศที่มีข้อจำกัดในการซื้อคริปโตโดยตรง สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี ปัจจุบัน Binance รองรับการซื้อขายเหรียญคริปโตแบบ P2P ได้ถึง 8 สกุลเงิน ได้แก่ BTC, ETH, USDT, DAI, TUSD, USDC, FDUSD และ BNB ผ่านวิธีการชำระเงินมากกว่า 800 วิธี และยังรองรับสกุลเงินทั่วโลกได้มากกว่า 100 สกุล อีกทั้งยังสามารถชำระเงินได้ผ่านธนาคารในประเทศ, Skrill, Wise และ Western Union
โดยถึงแม้ว่าภายในการซื้อขายแบบ P2P ของ Binance จะแสดงรายชื่อผู้ขายตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด แต่ผู้ซื้อยังต้องตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนด้วยตัวเองก่อนดำเนินการ ทั้งนี้การซื้อขาย P2P ภายในแพลตฟอร์มส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้นภายใน 15 นาที โดยมีค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ 0.1% ของจำนวนที่ซื้อ
เหรียญที่รองรับ (P2P) | Bitcoin, Ethereum, Tether, DAI, TrueUSD, USD Coin, First Digital USD, และ BNB |
วิธีการชำระเงิน | 800 กว่าวิธี |
ค่าธรรมเนียม P2P | 0.1% |
ใช้ Escrow ไหม? | ใช้ |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | ดำเนินการภายใต้การดูแลของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก / มีวิธีการชำระเงินมากกว่า 800 วิธี / ดำเนินการเสร็จภายใน 15 นาที |
ข้อดี
- ซื้อเหรียญคริปโตผ่านระบบ P2P ได้มากถึง 8 สกุล
- มีการชำระเงินให้มากกว่า 800 วิธี
- รองรับสกุลเงินท้องถิ่นมากกว่า 100 สกุล
- เหมาะสำหรับผู้ซื้อตั้งแต่จำนวนน้อยไปถึงจำนวนมาก
ข้อเสีย
- คิดค่าธรรมเนียม P2P อยู่ที่ 0.1%
- จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC ก่อนทำการซื้อขาย
5. Bybit: ลงทุนในคริปโตได้ผ่าน Paypal และ Betellar ด้วยค่าธรมเนียม 0%
Bybit ถือเป็นอีกหนึ่งเว็บเทรดคริปโตระดับโลก ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดคริปโตที่ไหนดี โดยมันรองรับการซื้อขายทั้งในรูปแบบ spot, perpetual futures, leveraged tokens และการซื้อขายออปชั่น อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์ม P2P ที่รองรับสกุลเงินมากกว่า 60 สกุล รวมถึง USD, EUR และ GBP และยังรองรับการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี โดย e-wallets ถือเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแพลตฟอร์ม
นอกจากนี้ Bybit ยังรองรับการชำระเงินผ่าน PayPal, Skrill, Neteller และอื่นๆอีกมากมาย โดยมันถือเป็นเว็บเทรดที่ผู้ใช้งานในสหรัฐเลือกใช้ เนื่องด้วยความสะดวกในการซื้อขายผ่านการชำระเงินอย่าง Cash App หรือ Venmo ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี แต่อย่างไรก็ตาม Bybit ยังเปิดให้ซื้อขายหรือแค่โตผ่าน P2P เพียง 4 เหรียญเท่านั้น ได้แก่ BTC, ETH, USDC และ USDT
และเหมือนกับเว็บเทรด P2P ทั่วไป ที่ผู้ซื้อจะต้องเลือกเหรียญ ประเภทการชำระเงิน และจำนวนเงินที่ต้องการจะซื้อ ก่อนทุกครั้ง แบบฟอร์มจะทำการลิสต์รายชื่อผู้ขายที่ตรงกับความต้องการมาให้เลือก โดยแนะนำให้เลือกจากผู้ขายที่เคยมีจำนวนการขายมากกว่า 100 ออเดอร์ขึ้นไปด้วย คะแนน 100% เต็มจากผู้ซื้อรายอื่นๆ โดย Bybit ก็ใช้ระบบ escrow เพื่อเพิ่มความปลอดภัยระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเช่นเดียวกับเว็บเทรดชั้นนำอื่นๆ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
เหรียญที่รองรับ (P2P) | Bitcoin, Ethereum, USD Coin, และ Tether |
วิธีการชำระเงิน | 300 กว่าวิธี |
ค่าธรรมเนียม P2P | ไม่มี |
ใช้ Escrow ไหม? | ใช้ |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | มีวิธีการชำระเงินมากกว่า 300 วิธี / อัตราแลกเปลี่ยนมักมีราคาต่ำกว่าราคาตลาด / มีผู้ขายที่น่าเชื่อถือ จากการซื้อขายกว่า 100 Order ด้วยคะแนนเต็ม 100% จากผู้ซื้อ |
ข้อดี
- มีระบบ P2P ที่น่าเชื่อถือ และรองรับสกุลเงินได้มากกว่า 60 สกุล
- เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ต้องการใช้ e-wallet อย่าง PayPal หรือ Neteller
- รองรับ Cash App และ Venmo
- ไม่คิดค่าธรรมเนียม P2P กับผู้ซื้อ
ข้อเสีย
- ไม่มีเหรียญ Solana และ BNB ให้ซื้อขาย
- จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC ก่อนทำการซื้อขาย
6. BingX: ถือ Tether ได้ผ่านการโอนจากบัญชีธนาคาร หรือ Wise ด้วยราคาที่น่าซื้อ
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดเหรียญคริปโต เว็บไหนดี BingX ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสน เนื่องจากมันเป็นเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต ที่มีความปลอดภัยแข็งแกร่ง ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดคริปโตที่ไหนดี โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมที่พอแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นได้ อีกทั้งยังมีแดชบอร์ด P2P สำหรับรองรับเหรียญ Tether เพียงรายการเดียว แต่สามารถซื้อผ่านสกุลเงินจริงได้จากหลายประเทศ เช่นเดียวกับประเภทการชำระเงิน
โดยนอกจากการซื้อขาย P2P ของ BingX สามารถทำได้ผ่านการโอนเงินผ่านธนาคารและ Wise แล้ว ผู้ใช้งานยังสามารถ ยังสามารถซื้อ Tether ได้ด้วย Google Pay, SEPA, Revolut และ Cash App
โดยอีก 1จุดหนึ่งของ BingX คือการไม่ได้เก็บค่าคอมมิชชั่นเมื่อใช้ P2P เพียงแต่ผู้ที่จะใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ จะต้องผ่านกระบวนการ KYC ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าทางผู้ซื้อและผู้ขายสามารถทำธุรกรรมได้โดยมีโอกาสถูกหลอกลวงน้อยที่สุด
เหรียญที่รองรับ (P2P) | Tether |
วิธีการชำระเงิน | 300 กว่าวิธี |
ค่าธรรมเนียม P2P | ไม่มี |
ใช้ Escrow ไหม? | ใช้ |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | สามารถซื้อ Tether ได้ในราคาที่ต่ำกว่าตลาด / เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อโดยโอนเงินจากธนาคารหรือ Wise / ไม่มีอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับ P2P |
ข้อดี
- รองรับสกุลเงินได้มากกว่า 300 สกุล
- สามารถซื้อเหรียญในราคาที่ถูกกว่าตลาด
- สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบ derivatives
- ไม่คิดค่าธรรมเนียม P2P กับผู้ซื้อ และผู้ขาย
ข้อเสีย
- รองรับ Tether สำหรับการซื้อขาย P2P แค่สกุลเงินเดียว
- ผู้ขายบางรายสามารถปล่อยขายเหรียญได้ในจำนวนที่ไม่มาก
7. PrimeXBT: เว็บเทรดเลเวอร์เรจสูง ด้วย Margin เริ่มต้นเพียง 0.5%
PrimeXBT เป็นหนึ่งๆตัวเลือกที่ดีสำหรับการเทรดฟิวเจอร์แบบ Perpetual Futures ด้วยจุดเด่นในด้านค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำเพียง 0.01% ต่อการซื้อขาย และภายในกระดานเทรดคริปโตยังมีตัวเลือกการเทรดแบบฟิวเจอร์อีกมากมายรวมถึง Bitcoin, Ethereum, Cardano, Polkadot และ XRP นอกจากนี้ยังรองรับ Axie Infinity, Internet Computer, Stellar และ altcoin ยอดนิยมอื่นๆอีกมากมาย
โดย PrimeXBT เป็นกระดานเทรดคริปโตฟิวเจอร์ที่มีสภาพคล่องสูง ที่มีเครื่องมือวิเคราะห์กราฟขั้นสูงรวมถึงตัวบ่งชี้ทางเทคนิคหลายอย่างให้นักลงทุนใช้งาน นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถเทรดเก็งกำไรแบบ Contracts for Difference (CFDs) ได้อีกด้วย
ในด้านการยืนยันตัวตน ผู้ใช้งานบนกระดานเทรดคริปโต ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC เนื่องจาก PrimeXBT เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถถือครองบัญชีแบบไม่เปิดเผยตัวตน โดยสามารถฝากแบบนิรนามเงินได้สูงสุดถึง 2,000 ดอลลาร์ ผ่านวิธีการชำระเงินอย่างบัตรเดบิต/เครดิต โดยจะจำกัดการถอนคริปโตอยู่ที่ 20,000 ดอลลาร์ต่อวันสำหรับบัญชีที่ไม่ต้องยืนยันตัวตน
ข้อดี
- สามารถสั่งเงินแบบไม่เปิดเผยตัวตนได้ถึง 2,000 ดอลลาร์
- สามารถถอนคริปโตแบบไม่เปิดเผยตัวตนได้มากสุด 20,000 ดอลลาร์ต่อวัน
- รองรับการเทรดแบบฟิวเจอร์ และ CFDs
- มีเครื่องมือการวิเคราะห์และสร้างกราฟขั้นสูง
- ค่าคอมมิชชั่นในการเทรดเพียง 0.1% ต่อการซื้อขาย
ข้อเสีย
- มีเหรียญคู่เทรดน้อยกว่ากระดานเทรดคริปโตอื่นๆในตลาด
- ไม่มีการเทรดบนตลาด Spot
8. Best Wallet: เว็บเรดชั้นนำ สำหรับการเทรดแบบ Decentralized
Best Wallet นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของลิสต์นี้ โดยมันเป็นกระดานเทรดคริปโตที่เป็นที่รู้จักในฐานะเว็บเทรดแบบกระจายศูนย์มากกว่าแพลตฟอร์ม P2P ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดเหรียญมีม, เหรียญคริปโต เว็บไหนดี โดยจุดเด่นที่ทำให้มันติดอันดับ 1 มาจากการมี liquidity pools ที่มาแทนกลไก P2P แบบปกติ ที่ทำให้ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องซื้อคริปโตโดยตรงจากผู้ขาย เนื่องจาก Best Wallet ได้ใช้สัญญาอัจฉริยะในการดำเนินการตามคำสั่งทันที
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการแลกเหรียญ USDT เป็น BNB คุณสามารถใช้ liquidity pool ของ USDT/BNB ได้โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการ P2P — โดยหลังจากพิมพ์จำนวนการแลกเปลี่ยนที่ต้องการของคุณและเชื่อมต่อวอลเล็ตแล้ว เหรียญ USDT จะถูกเปลี่ยน (Swop) เป็น BNB ผ่าน Smart Contract และถูกเพิ่มไปยังวอลเล็ตของคุณเกือบทันที
ทั้งนี้ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยน จะถูกกำหนดแบบ Real Time โดยปัจจัยต่างๆเช่นความผันผวนของตลาดและปริมาณ โดยกระดานเทรดคริปโต Best Wallet จะหาราคาตลาดที่ดีที่สุด ให้คุณได้ผ่านการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ Liquidity หลายสิบราย อีกทั้งยังทางแพลตฟอร์มยังมีวอลเล็ตคริปโตแบบ Decentralizedd ที่พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งมาในรูปแบบแอปบนมือถือสำหรับ iOS และ Android ให้กับผู้ใช้งานได้รับบประสบการณ์ที่ราบลื่นในการแลกเปลี่ยนอีกด้วย
เหรียญที่รองรับ (P2P) | ทุกเหรียญจากเครือข่าย Ethereum, BNB Chain, และ Polygon networks |
วิธีการชำระเงิน | คริปโต (สามารถใช้เงินสดชำระได้ผ่าน Ramp โดยใช้บัตรเครดิตหรือเดบิต) |
ค่าธรรมเนียม P2P | ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับผู้ให้บริการสภาพคล่อง |
ใช้ Escrow ไหม? | ไม่, ใช้ smart contracts แทน ซึ่งปลอดภัยมากกว่า |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | เป็นกระดานเทรดคริปโตแบบ Decentralized exchange ไม่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ escrow / สามารถโอนเหรียญเข้าได้ทันทีผ่าน smart contracts / ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี |
ข้อดี
- ซื้อเหรียญพันกว่ารายการได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ขาย
- Liquidity pools ทำงานโดยใช้ smart contracts
- ไม่มีระบบ escrow
- ไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวผ่านระบบ KYC
- รองรับเครือข่าย Ethereum, BNB Chain, และ Polygon
- มีวอลเล็ตแบบ self-custody wallet รองรับ
ข้อเสีย
- ยังไม่รองรับ Bitcoin (จะรองรับเร็วๆนี้)
- ไม่ใช้การแลกเปลี่ยนแบบ P2P
9. KuCoin: กระดานเทรดคริปโตที่น่าสนใจ ที่มี Active User มากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก
KuCoin จัดให้เป็นกระดานเทรดคริปโตชั้นนำในตลาด ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก โดยมีจุดเด่นในด้านสภาพคล่องซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดเหรียญคริปโต เว็บไหนดี เฉพาะการซื้อขายในรูปแบบ P2P เพราะสิ่งนี้จะช่วยทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าตลาดในกระดานเทรดคริปโตจะมีปริมาณเหรียญเพียงพอกับความต้องการอยู่ตลอดเวลา สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อ Bitcoin ที่ไหนดี แดชบอร์ด P2P ของ KuCoin นั้นรองรับหรือแคปโตนถึง 5 เหรียญด้วยกัน ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, USD Coin, Tether และ KuCoin Token
นอกจากนี้กระดานเทรดคริปโต KuCoin การซื้อผ่านสกุลเงินจริงมากกว่า 30 สกุลเงินทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น USD, AUD และ EUR หรือรวมถึงสกุลเงินเกิดใหม่มากมาย เช่น THB และ VND KuCoin ประกอบกับรองรับการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี โดยมีการโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศ ซึ่งจะใช้เวลาในการซื้อขายแบบ P2P ภายในไม่ถึง 5 นาที
KuCoin ยังรองรับการชำระเงินผ่าน Google Pay, Wise, Neteller, Cash App และ Revolut โดยมีอัตราการทำธุรกรรมแบบ P2P ขั้นต่ำอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ และไม่รีบเก็บค่าธรรมเนียมจากทางผู้ซื้อและผู้ขาย โดยการซื้อขายทั้งหมดจะทำผ่านระบบ escrow ที่ปลอดภัย
เหรียญที่รองรับ (P2P) | Bitcoin, Ethereum, USD Coin, Tether, และ KuCoin Token |
วิธีการชำระเงิน | 100 กว่าวิธี |
ค่าธรรมเนียม P2P | ไม่มี |
ใช้ Escrow ไหม? | ใช้ |
ฟีเจอร์ที่โดดเด่น | มีเหรียญคริปโต 5 สกุลเงินให้เลือกซื้อ ผ่านสกุลเงินจริงมากกว่า 30 สกุลเงินที่รองรับ / การทำธุรกรรมผ่านการโอนเงินจากธนาคารท้องถิ่นจะใช้เวลาไม่ถึงนาที / ไม่มีอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับ P2P สำหรับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย |
ข้อดี
- เป็น 1 ในกระดานเทรดคริปโตแบบ P2P ที่มีสภาพคล่องสูง
- มีผู้ใช้งานมากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก
- รองรับสกุลเงินมากกว่า 30 สกุลเงิน และวิธีการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี
- ไม่คิดค่าธรรมเนียม P2P กับผู้ซื้อ และผู้ขาย
ข้อเสีย
- จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC ก่อนทำการซื้อขาย
- ไม่รองรับ Paypal
10. BloFin: กระดานเทรดคริปโตตัวเลือกแรก ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ และไม่ต้อง KYC
BloFin เป็นกระดานเทรดคริปโตที่นำเสนอการซื้อขายสินทรัพย์คริปโตที่หลากหลาย โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตน (KYC) สำหรับการถอนไม่เกิน 20,000 USDT อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานยังจำเป็นจะต้องยืนยันข้อมูลส่วนตัวและที่อยู่ หากต้องการเพิ่มลิมิตการถอนเป็น 1 ล้าน USDT ขึ้นไป โดยจะได้รับ Limit การถอนขั้นต่ำเพิ่มถึง 2 ล้าน USDT
โดยภายในกระดานเทรดคริปโต BloFin นอกจากผู้ใช้งานจะสามารถซื้อเหรียญได้เหมือนกระดานเทรดคริปโตทั่วไป ที่ครอบคลุมหลากหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรมคริปโต ไม่ว่าจะเป็น AI, RWA, Metaverse, DeFi, NFT, BRC20 และอื่นๆ ผู้ใช้งานยังสามารถเทรดแบบฟิวเจอร์ และใช้ประโยชน์จากการคัดลอกการเทรดของเหล่าเทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญภายในกระดานเทรดคริปโตได้อีกด้วย รวมถึงยังมีบอทเทรด แบบ Signal Bot ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้ กระดานเทรดคริปโต BloFin ยังมีฟีเจอร์ Earn สำหรับการสร้างรายได้แบบ Passive Income ให้กับนักลงทุน ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มผลตอบแทนได้จากการถือครองเหรียญ USDT, BTC และ ETH และด้วยตัวกระดานเทรดคริปโตที่เป็นรูปแบบ Centralized Exchange แต่กลับมีอัตราค่าธรรมเนียมในการเทรดเริ่มต้นเพียง 0.01% ทำให้มันกลายเป็นการเทรดที่น่าสนใจมากสำหรับนักลงทุนจากความสามารถในการแข่งขันกับกระดานเทรดคริปโตอื่นๆในตลาด
โดยในด้านความปลอดภัย กระดานเทรดคริปโต BloFin มอบความปลอดภัยของนักลงทุน ด้วยการร่วมมือกับ Fireblocks ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลระดับองค์กร เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนในการฝากทรัพย์สินของตนไว้บนกระดานเทรดคริปโต
ข้อดี
- อัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำ
- รองรับสกุลเงินคริปโตจำนวนมาก รวมถึงเหรียญ AI และเหรียญราคาถูกอื่นๆ
- มีฟีเจอร์การเทรดขั้นสูง
ข้อเสีย
- จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC
- ฝ่ายบริการลูกค้าที่ล่าช้า
เราจัดอันดับกระดานเทรดคริปโตแบบ P2P อย่างไร?
ปัจจัยสำคัญที่เรานำมาใช้เพื่อช่วนจัดอันดับเว็บเทรดเหล่านี้ ได้แก่
- เหรียญที่รองรับ: เราประเมินว่าเว็บเทรด peer-to-peer แต่ละแห่งรองรับเหรียญใดบ้าง โดยอย่างน้อยควรมีเหรียญอย่าง Tether — ซึ่งเปิดโอกาสให้เข้าถึงตลาดคริปโตที่กว้างขึ้น นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับเว็บเทรดที่รองรับ Ethereum และ Bitcoin
- สกุลเงิน: เว็บเทรดแบบ P2P ที่ดีควรมีควรจะสามารถเข้าถึงได้จากทั่วโลก ซึ่งหมายถึงการมีความสามารถในการรองรับสกุลเงินได้หลายประเทศ ไม่ใช่เพียงแต่สกุลเงินหลักของโลกอย่างยูโรหรือดอลลาร์เพียงเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเว็บเทรด OKX ที่รองรับสกุลเงินได้มากกว่า 100 ประเทศ
- วิธีชำระเงิน: นักลงทุนควรเลือกเว็บเทรดคริปโตแบบ P2P ที่มีวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการชำระเงินผ่านธนาคารท้องถิ่น ที่จะเป็นตัวเลือกในการธุรกรรมที่รวดเร็วสำหรับนักลงทุน หรือแม้แต่การรองรับ e-wallets อย่าง PayPal, Neteller และ Google Play หรือแม้แต่การชำระเงินผ่านมือถือและ Western Union ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรได้รับด้วยเช่นกัน
- KYC: โดยปกติกระบวนการ KYC ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับ กระดานเทรดคริปโต เพราะมันช่วยให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจที่จะทำการซื้อขายภายในกระดานเทรดคริปโต อย่างไรก็ตามยังมีบางเว็บเทรดที่ไม่ได้ใช้ข้อกำหนด KYC เพื่อส่งเสริมการเปิดบัญชีแบบนิรนาม ตัวอย่างเช่นเว็บเทรด OKX ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอน KYC จนกว่าผู้ใช้งานจะมีการลงทุนมากกว่า 5,000 ดอลลาร์ขึ้นไป
- Escrow: ระบบการทำธุรกรรมที่ช่วยคุ้มครองทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย (Escrow) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดในรูปแบบ P2P เพราะมันช่วยให้ผู้ใช้งานที่ซื้อหรือในระบบนี้มั่นใจว่าผู้ขายจะต้องฝากเหรียญเข้าบัญชีที่เราไว้ก่อนที่ผู้ซื้อจะโอนเงิน ในขณะที่ระบบ Escrow จะทำการปล่อยเหรียญเข้าบัญชีผู้ซื้อก็ต่อเมื่อผู้ซื้อทำการจ่ายเงินให้กับผู้ขายแล้วเท่านั้น
- สภาพคล่อง: สภาพคล่องจะช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าเว็บเทรดมีเหรียญเพียงพอสำหรับผู้ซื้อตลอดเวลา เพื่อไม่จำเป็นต้องย้ายกระดานเทรดคริปโตไปมา
- ระบบการให้คะแนน: เนื่องจากการเทรดแบบ P2P ยังคงเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยง ถึงแม้จะมีระบบ Escrow คอยดูแลอยู่ก็ตาม ดังนั้นทางกระดานเทรดคริปโตจึงควรเปิดให้ผู้ใช้บริการ P2P สิทธิ์ให้คะแนนและรีวิวแก่ผู้ขายได้ โดยวิธีการนี้จะช่วยช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกผู้ขายที่มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง
อะไรคือเว็บเทรดแบบ P2P?
เว็บเทรดแบบ P2P (Peer-to-peer) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการซื้อขายคริปโต ซึ่งจะเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างบุคคล โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางในการซื้อขาย โดยจุดเด่นของมันคือการให้ผู้ซื้อสามารถชำระเงินให้กับผู้ขายได้ผ่านสกุลเงินท้องถิ่น หากผู้ซื้อและผู้ขายอยู่ในประเทศเดียวกัน ทั้งนี้หมายความว่าผู้ซื้อจะสามารถใช้วิธีการชำระเงินได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศ การชำระเงินผ่าน Skrill, PayPal หรือ Wise ซึ่งจะเลือกได้มากกว่ารูปแบบการซื้อแบบทั่วไป ในขณะที่ผู้ขายจะสามารถกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนของตนเองได้ ซึ่งอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาซื้อขายในตลาด spot ก็ได้
โดยผู้ซื้อเหรียญผ่านรูปแบบ P2P จะสามารถเลือกผู้ขายได้ผ่านปัจจัยอย่างจำนวนเหรียญที่ผู้ขายมี วิธีการชำระเงิน หรือแม้แต่คะแนนจากการซื้อขายที่ผ่านมา ทั้งนี้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ทางเว็บเทรดจะมีระบบ Escrow เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย และช่วยให้มั่นใจได้ว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์
เว็บเทรดแบบ Peer-to-Peer ทำงานอย่างไร?
ต่อไปเราจะมาพูดถึงขั้นตอนการใช้กระดานเทรดคริปโต Bitcoin แบบ Peer-to-Peer กันบ้าง
การตั้งค่า P2P
ในขั้นตอนแรก ผู้ซื้อต้องตั้งค่าข้อกำหนดการใช้งาน P2P ของตนเอง ผ่านการเลือกตัวแปรเหล่านี้
- เหรียญคริปโต
- สกุลเงิน
- วิธีการชำระเงิน
- จำนวนเงินที่ซื้อ
โดยหลังจากที่เลือกแล้ว ทางกระดานเทรดคริปโตจะแสดงรายชื่อผู้ขาย ที่ตรงตามข้อกำหนดเหล่านี้ ซึ่งจะถูกจัดเรียงตามอัตราแลกเปลี่ยน หรือคะแนนมากที่สุดลงไป
เข้าสู่หน้าซื้อขายแบบ P2P เพื่อดำเนินการผ่านระบบ Escrow
เมื่อผู้ซื้อได้กดยืนยันเพื่อเลือกผู้ขาย P2P แล้ว ผู้ขายจะทำการส่งข้อความ เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อดังกล่าว หากผู้ซื้อยืนยันว่าจะทำการซื้อเหรียญ ผู้ขายจะต้องโอนเหรียญเข้าไปยัง Escrow Wallet ก่อน
สิ่งสำคัญ: ผู้ซื้อห้ามชำระเงินจนกว่าทางกระดานเทรดคริปโตจะยืนยันว่าผู้ขายได้ทำการโอนเหรียญเข้าไปยัง Escrow Wallet เสร็จสมบูรณ์แล้ว เนื่องจากหากคุณส่งเงินก่อนกระบวนการ Escrow จะเสร็จสิ้น ผู้ขายอาจโกงและไม่ส่งเหรียญให้เลย
ทั้งนี้เวลาในกระบวนการที่ผู้ซื้อจะโอนเหรียญเข้า Escrow Wallet อาจใช้เวลา 1-2 นาที ในกรณีที่คุณซื้อ Ethereum หรือ Tether และอาจต้องรอถึง 10 นาทีหากคุณซื้อ Bitcoin
โอนเงินและยืนยันการชำระเงิน
หลังระบบ Escrow มีการยืนยันว่าผู้ขายได้ทำการโอนเงินเข้าไปใน Escrow Wallet แล้วเท่านั้น ผู้ซื้อถึงจะเริ่มทำการชำระเงิน โดยสามารถชำระได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศ ผ่านธนาคารในประเทศโดยใช้เลขบัญชีของผู้ขาย อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าใส่ตัวเลขถูกต้อง และเมื่อทำการโอนสำเร็จ ให้ผู้ซื้อกดไปยังเครื่องหมายยืนยันการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์ภายใน P2P เพื่อแจ้งเตือนไปยังผู้ขาย
ยืนยันการชำระเงินและสิ้นสุดการซื้อขาย
ในขั้นตอนสุดท้ายคือการให้ผู้ขายทำการปล่อยเหรียญจากระบบ escrow หลังยืนยันการได้รับชำระเงินแล้ว โดยภายในไม่กี่วินาที จะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีวอลเล็ต P2P ของผู้ซื้อ ซึ่งหมายความว่าการซื้อขายได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ซื้อสามารถนำเหรียญไปซื้อขายภายในแพลตฟอร์ม หรือจะถอนเข้าไปยังวอลเล็ตส่วนตัวก็ได้ ทั้งนี้อย่าลืมให้คะแนนรีวิวกับผู้ขาย เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรายอื่นสามารถใช้งานการซื้อขายแบบ P2P ได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กระดานเทรดคริปโต P2P Crypto Lending ที่ดีที่สุดคืออะไร?
แนวคิดของ peer-to-peer ยังถูกขยายไปในส่วนของการกู้ยืม crypto ด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าผู้ถือครองเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งานสามารถนำมันไปปล่อยกู้ได้ โดยที่ผู้กู้จะจ่ายดอกเบี้ยให้กับการยืมเหรียญ ทั้งนี้กระดานเทรดคริปโต P2P crypto lending ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้จะเป็น OKX, YouHodler, Bybit และ Binance
ประโยชน์ของเว็บเทรดแบบ P2P เมื่อเทียบกับเว็บเทรดทั่วไป
ทั้งนี้เราจะมาดูกันถึงความแตกต่าง ว่าเว็บเทรดแบบ P2P มีความสามารถพิเศษเหนือกว่าเว็บเทรดทั่วไปอย่างไรบ้าง
สามารถซื้อคริปโตได้ด้วยวิธีการชำระและสกุลเงินในท้องถิ่น
1 ในประโยชน์หลักของการใช้กระดานเทรดคริปโตแบบ P2P คือคุณสามารถใช้สกุลเงินและวิธีการชำระเงินภายในท้องถิ่นของคุณได้ ตัวอย่างเช่นหากคุณอยู่ในประเทศไทย การใช้บัตรเครดิต/เดบิตเพื่อชำระเงินซื้อคริปโตภายในกระดานเทรดคริปโตทั่วไปอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง เนื่องจากเว็บแถวนี้มักจะไม่รองรับสกุลเงินไทย ซึ่งอาจทำให้คุณเสียค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
อย่างไรก็ตาม เว็บเทรดแบบ P2P สามารถช่วยให้คุณสามารถโอนเงินผ่านธนาคารในประเทศได้ และใช้เวลาเพียงไม่นานโดยที่ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม นอกจากนั้นคุณยังสามารถชำระเงินผ่าน e-wallets และวิธีอื่นๆ ที่สะดวกได้อีกมากมาย
อัตราแลกเปลี่ยนภายใน P2P อาจต่ำกว่า
โดยปกตินักลงทุนทุกคนจะต้องจ่ายราคาเดียวกันเมื่อทำการซื้อขายบนกระดานเทรดคริปโตทั่วไป ซึ่งมาจากอุปสงค์และอุปทานภายในแพลตฟอร์มนั้นๆ ทั้งนี้ในทางกลับกัน ผู้ที่ทำการขายในรูปแบบ P2P จะสามารถกำหนดราคาของตนเองได้ ซึ่งโดยปกติมักจะต่ำกว่าราคาในตลาดทั่วไปเพราะในบัญชีผู้ขายอาจต้องการเงินสดอย่างกะทันหันจนยินดีรับระดับราคาที่ต่ำกว่า หมายความว่าผู้ซื้อมีโอกาสได้รับข้อเสนอที่ดีกว่านั่นเอง
สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก
นักลงทุนบางประเทศอาจพบความยากลำบากในการเข้าซื้อคริปโตในครั้งแรก อันเนื่องมาจากประเทศนั้นๆถูกห้ามไม่ให้มีการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ทำให้กระดานเทรดคริปโตแบบ P2P จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายในประเทศที่ถูกสั่งห้ามซื้อขาย
ยกตัวอย่างเช่นสหราชอาณาจักร ที่ในปัจจุบันทางการไม่อนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรฝากเงินเข้ากระดานเทรดคริปโตด้วยสกุลเงินจริงอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานในสหราชอาณาจักรยังสามารถซื้อเหรียญได้เว็บเทรด P2P ของ Binance และใช้เหรียญเหล่านั้นซื้อขายบนกระดานเทรดคริปโตหลัก
สามารถซื้อคริปโตได้แบบไม่เปิดเผยตัวตน
กระดานเทรดคริปโตแบบ P2P ส่วนใหญ่มักใช้กระบวนการ KYC เพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้งาน ซึ่งหมายความว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องยืนยันตัวตนก่อนจึงจะสามารถซื้อขายได้ อย่างไรก็ตามยังมีกระดานเทรดคริปโตบางแห่งที่ให้บริการโดยไม่จำเป็นต้องใช้ KYC เพื่อยืนยันตัวตน (ภายในวงเงินที่กำหนด) ยกตัวอย่างเช่นกระดานเทรดคริปโต OKX ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานซื้อคริปโตผ่านระบบ P2P แบบนิรนามโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ KYC ได้ (ในมูลค่าที่ไม่เกิน 5,000 บาทดอลลาร์)
เป็นวิธีที่ดีในการถอนคริปโตออกมาเป็นเงินสด
การเทรดเทรดแบบ peer-to-peer ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการถอดคริปโตออกมาเป็นสกุลเงินจริง เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายกระดานเทรดคริปโต เริ่มจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้ในการถอนคลิปต่อออกมาเป็นเงินสด แต่ในทางกลับกันกระดานเทรดคริปโตที่เป็น peer-to-peer สามารถรองรับสกุลเงินและวิธีการชำระเงินที่ทางผู้ซื้อและผู้ขายต้องการได้
ความต่างระหว่างกระดานเทรดคริปโตแบบ P2P กับ OTC?
ในตอนนี้เรารู้แล้วว่า เว็บเทรดคริปโต มีอะไรบ้างที่น่าสนใจในปี 2024 โดยได้เจาะลึกเป็นพิเศษเกี่ยวกับเว็บเทรดคริปโตแบบ P2P และพบว่ายังมีรูปแบบการซื้อขายอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า OTC (Over-the-Counter) ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้:
- เว็บเทรดแบบ P2P: อำนวยความสะดวกในด้านการซื้อขายคริปโตผ่านการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยที่ผู้ขายสามารถกำหนดราคาและวิธีการชำระเงินที่ต้องการได้ ในขณะที่ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงผู้ขายผ่านการพิจารณาจากปัจจัยที่ต้องการ และทำการซื้อขายผ่านระบบ Escrow ซึ่งช่วยปกป้องทั้งสองฝ่าย
- เว็บเทรดแบบ OTC: อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการซื้อคริปโตจำนวนมาก โดยมักจะมีมูลค่าอย่างน้อย 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป ซึ่งมักจะถูกใช้โดยสถาบันการเงิน โดยที่ OTC จะให้ความสำคัญกับสภาพคล่องมากกว่าเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งซื้อ และขณะที่ผู้ซื้อผ่าน OTC มักจะได้รับอัตราที่ต่ำกว่าตลาด จากการซื้อในปริมาณมาก
การแลกเปลี่ยนผ่าน P2P ปลอดภัยหรือไม่?
โดยทั่วไปกระดานเทรดคริปโตแบบ peer-to-peer มักจะปลอดภัย ด้วยเหตุผลสำคัญอยู่ 2 ประการ:
- KYC: เว็บเทรดส่วนใหญ่จะต้องการให้ผู้ซื้อและผู้ขายผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน ซึ่งอาจสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้งานบางราย แต่สิ่งนี้ก็ช่วยให้สภาพแวดล้อมภายในการซื้อขายแบบ P2P ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- Escrow: เว็บเทรดชั้นนำจะใช้ระบบ Escrow: สำหรับการซื้อขายแบบ P2P ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อไม่ต้องชำระเงินจนกว่าผู้ขายจะโอนเหรียญเข้า Escrow ในขณะที่ผู้ขายก็ยังไม่จำเป็นต้องโอนเหรียญไปให้ผู้ซื้อจนกว่าจะได้รับเงิน
ทั้งนี้ถึงแม้ 2 ระบบนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการซื้อขายแบบ P2P มากเท่าใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังคงมีความเสี่ยง โดยเฉพาะในด้านผู้ขาย
เนื่องจากมีการหลอกลวงวิธีหนึ่ง ที่มีจุดประสงค์เพื่อหลอกให้ผู้ขายคิดว่ามีการชำระเงินแล้ว เพื่อกดยืนยันการปล่อยเหรียญออกจาก Escrow ในขณะที่ยังไม่ได้รับเงินจริงๆ ดังนั้นผู้ขายจะต้องตรวจสอบการชำระเงินด้วยตนเองแทนที่จะดูเพียงแค่สลิปโอนเงินที่ผู้ซื้อส่งมาเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน สั่งซื้อก็อาจมีปัญหาได้ หากเกิดกรณีที่ทำการโอนเงินไปแล้วแต่ผู้ขายอ้างว่ายังไม่ได้รับเงิน หลายหลายวันไปจนถึงรายสัปดาห์กว่าจะแก้ไขสำเร็จ
วิธีการซื้อขายคริปโตโดย P2P
- ขั้นตอนที่ 1: เลือกกระดานเทรดคริปโต P2P และทำการเปิดบัญชี – ในขั้นตอนแรก ให้คุณใช้เวลาทำการเลือกเว็บเทรดคริปโต P2P ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ โดยพิจารณาจากค่าธรรมเนียม จำนวนเหรียญที่รองรับ สกุลเงิน และระบบ Escrow จากนั้นก็เปิดบัญชี
- ขั้นตอนที่ 2: ผ่านกระบวนการ KYC ให้เสร็จสมบูรณ์ – โดยปกติ คุณจะต้องผ่านกระบวนการ KYC ให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะสามารถเริ่มต้นซื้อขายคริปโตได้ จะต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐานและ ID อย่างหนังสือเดินทางหรือใบขับขี่ ทั้งนี้เว็บช่วยส่วนใหญ่จะมีระบบ KYC แบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ดำเนินการเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที
- ขั้นตอนที่ 3: ตั้งค่าการซื้อขาย P2P ส่วนตัว – เมื่อมาถึงขั้นตอนการซื้อคริปโต คุณควรกำหนดค่า P2P ที่เหมาะสมสำหรับคุณ เช่นเหรียญที่จะซื้อ จำนวนเงิน รวมถึงสกุลเงินที่จะใช้ชำระ
- ขั้นตอนที่ 4: เลือกผู้ขาย P2P – หลังจากกำหนดค่าต่างๆเรียบร้อย แพลตฟอร์มจะทำการแสดงรายชื่อผู้ขายที่ตรงกับความต้องการของคน โดยแนะนำให้เลือกผู้ขายที่มีคะแนนหรือประวัติการขายที่ดี มากกว่าผู้ขายที่ให้อัตราซื้อที่ถูกกว่า
- ขั้นตอนที่ 5: รอการยืนยันจาก Escrow เพื่อชำระเงิน – หลังจากยืนยันคำสั่งซื้อ รอให้ผู้ขายทำการส่งเหรียญเข้ามายัง Escrow Wallet ก่อน เพื่อทำการชำระเงิน
- ขั้นตอนที่ 6: ยืนยันการชำระเงินและรอรับเหรียญ – หลังจากชำระเงิน แจ้งให้ผู้ขายทราบว่ามีการชำระเงินแล้วพร้อมหลักฐาน หลังจากนั้นก็รอให้ผู้ขายปล่อยเหรียญออกจาก Escrow และเข้าไปยังวอลเล็ต P2P ของตนเองภายในไม่กี่วินาที
สรุป
จากบทความ ทำให้เราพอทราบได้แล้ว ว่าเว็บเทรดคริปโต มีอะไรบ้างที่น่าสนใจในปี 2014 โดยกระดานเทรดคริปโตแบบ peer-to-peer ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับการซื้อขายคริปโต เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถใช้สกุลเงินท้องถิ่นตนเองได้เท่านั้น แต่มันยังรองรับการชำระเงินตามที่ผู้ใช้งานต้องการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร, Google Pay หรือ Wise พร้อมกับโอกาสในการได้รับอัตราค่าการแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม กำลังเทรดส่วนใหญ่ที่มีฟีเจอร์ดังกล่าวมาเรียบร้อยให้ผู้ใช้งานต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (KYC) ดังนั้นกระดานเทรดคริปโตที่ไม่มีการ KYC จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการเทรดแบบไม่เปิดเผยตัวตน แต่ก็ต้องยอมแลกกับความความเสี่ยงที่มากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
เว็บเทรดคริปโต มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ ในปี 2024?
กระดานเทรดคริปโตไดบ้างที่เป็น P2P?
กระดานเทรดคริปโตที่ให้บริการ P2P ที่ดีที่สุด?
กระดานเทรดคริปโต P2P ดีกว่าอย่างอื่นหรือไม่?
กระดานเทรดคริปโตที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอน KYC?
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Peer-to-peer คืออะไร? (NordVPN)
- Binance หยุดรับผู้ใช้งานใหม่ใน UK (Reuters)
- กฎหมายเกี่ยวกับ FATF สำหรับการจัดการคริปโตบนเว็บเทรด (PwC)
- การซื้อขายแบบ Over-the-Counter (OTC) (Corporate Finance Institute)
- คู่มือสำหรับการยืนยันตัวตนดิจิทัล (FATF)
- กฎระเบียบในการจัดการฟอกเงินของสหภาพยุโรป (European Parliament)